[ad_1]
หนุ่มนามว่า “เบนซ์” อดีตคนเคยสนิทของนักร้องชื่อดัง “หญิงลี ศรีจุมพล” ที่ถูกกล่าวอ้างว่าคุกคาม ออกมาเปิดใจครั้งแรก สวนกลับฝ่ายหญิงแบบเทปคนละม้วน ชี้แจงในมุมของตัวเอง
“เบสท์ คำสิงห์” น้ำตาคลอ ขอโทษแทน “พ่อสมรักษ์” ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด
เรียกว่าร้องแรงและดูท่าว่าจะไม่จบง่ายๆ สำหรับประเด็นระหว่างนักร้องชื่อดัง “หญิงลี ศรีจุมพล” กับอดีตคนเคยรัก ที่วานนี้ (12 ธ.ค.66) นักร้องสาวออกมาเคลียร์ถูกโยงโลก 2 ใบ เจ้าตัวยืนยันไม่ได้คบซ้อน แค่เปิดใจคุยกับผู้ชายคนหนึ่งในช่วงที่มีปัญหากับคนเก่าแล้วห่างกัน เป็นเวลาราว 3 เดือน เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
แต่ถูกผู้ชายคนดังกล่าวคุกคามชีวิตหลังพยายามจบความสัมพันธ์ เพราะคุยกันแล้วรู้สึกว่าน่าจะไปต่อกันไม่ได้ ทำให้ตนต้องเข้าแจ้งความไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
“หญิงลี” เคลียร์! ปมนักร้องโลก 2 ใบ ยันไม่เคยคบซ้อน แจ้งความอดีตคนเคยสนิทคุกคาม
ล่าสุด (13 ธ.ค.66) ฝ่ายชายนามว่า “เบนซ์” ที่ถูกนักร้องสาวกล่าวถึง ได้ออกมาเปิดใจชี้แจงในมุมของตัวเองผ่านทางเที่ยงวัน ทันเหตุการณ์ สวนกลับอีกฝ่ายแบบเทปคนละม้วน โดยเล่าว่า
“ผมบริสุทธิ์ใจ และไม่ได้เป็นแบบที่เขาพูดเลย ผมไม่ต้องมีอะไรต้องปิดบังอีกแล้ว สิ่งที่จะเล่าคือความจริง มีนักข่าวติดต่อมาแต่ผมไม่เคยออกมาพูดเลย ซึ่งเมื่อวาน (12 ธ.ค.66) ฝ่ายหญิงออกมาพูดก่อน แล้วมีสิ่งที่พาดพิงผมเยอะ ทำให้รู้สึกไม่ดี ทำให้คนรอบข้างและคนที่รู้จักมองผมในแง่ลบ ผมยอมรับว่าเครียด ครอบครัวของผมเห็นผมถูกหมายเรียกจากตำรวจ ทำให้แม่ ตา ยาย นอนไม่หลับ
ผมรู้จักกับหญิงลีมาประมาณ 3 ปีแล้ว ทำอาชีพฟรีแลนซ์ รับจ้างถ่ายภาพในวันนั้น หลังจากรู้จักกันเมื่อ 3 ปีก่อน ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ต่อมาเมื่อปีที่แล้ว ผมไปเก็บภาพคอนเสิร์ต ไปเจอฝ่ายหญิงลียกมือสวัสดี แล้วเขาบอกให้ผู้จัดการมาบอกว่าให้ไปรอหลังเวที หลังเขาถ่ายภาพกับแฟนคลับเสร็จแล้ว เขาเดินมากอดผมสักพัก จนผู้จัดการมาสะกิดบอกว่ามันดูไม่ดีแล้วนะ เขาจึงบอกให้ผู้จัดการมาขอเบอร์และขอไลน์ผมเอาไว้ ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแค่ว่าเผื่อมีงาน มีคอนเนคชันอะไร ผมก็เลยให้เบอร์และไลน์กับฝั่งผู้จัดการของหญิงลีไป
วันรุ่งขึ้นฝ่ายหญิงมีการทักแชตไลน์มาสอบถามว่าผมทำงานอะไร ทำอาชีพอะไร ทำอาชีพอะไร ผมก็เล่าให้ฟัง จากนั้นเขาก็ถามผมว่าเงินพอใช้ไหม ผมก็บอกไปว่า พอที่จะประคองตัวได้ จากนั้นเขาโอนเงินมาให้ผม 5,000 บาท หลังจากวันนั้นเขาติดต่อให้ผมไปหาเพื่อจะคุยงาน เนื่องจากเขาต้องขึ้นคอนเสิร์ต พองานจบเขาชวนผมไปทานข้าว ผมเองก็เอะใจว่าทำไมเขาถึงชวนผมไปทานข้าว แต่ผมก็ไป จากนั้นก็พูดคุยกันมากขึ้น ต่างคนต่างมีใจให้กันและฝ่ายหญิงบอกว่าตามหาคนแบบผมมานานแล้ว การที่เราได้มาเจอกันถือว่าเป็นพรหมลิขิต
จากนั้น 2-3 วัน ฝ่ายหญิงชวนผมให้ไปอยู่ที่บ้านกับฝ่ายหญิงไหม ในฐานะคนรัก แต่ช่วยเหลือในการทำงานให้ด้วย โดยให้ผมดูแลในเรื่องของการขับรถให้ ดูแลเรื่องที่พัก รวมถึงการเดินทางไปคอนเสิร์ต ฝ่ายหญิงให้เงินเดือนผม 20,000 บาท ซึ่งคนในบ้านรวมถึงทีมงานรับรู้ความสัมพันธ์ของผมกับฝ่ายหญิงทั้งหมด ตอนนั้นผมรู้อยู่แล้วว่าฝ่ายหญิงเคยมีคนคุยมาก่อน ซึ่งผมเองก็ได้มีการสอบถามจากฝ่ายหญิงแล้วว่าฝ่ายผู้ชายคนอื่นที่คบหากันคืออะไร ฝ่ายหญิงบอกว่าจบไปแล้ว เคลียร์ไปแล้ว ผมจึงมั่นใจว่าจะเข้าไปอยู่ในบ้านของเขาโดยที่ไม่ต้องปิดบังอะไร ผมก็ไปอยู่
จากนั้นคบหาดูใจกันพักหญิง ฝ่ายหญิงเดินทางไปที่รีสอร์ตบ่อยมาก ผมจึงเกิดความสงสัยว่าทำไมต้องไปรีสอร์ตที่บุรีรัมย์บ่อยมาก ฝ่ายหญิงบอกว่าไปเคลียร์ปัญหากับคนเก่า สาเหตุที่ไปเพราะเรื่องของการทำงาน ซึ่งตอนนั้นผมยอมรับว่าผมหึงหวงจริงๆ แต่ผมทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐาน จากนั้นทะเลาะกันมาตลอด
หลังจากนั้นฝ่ายหญิงก็บินกลับมากรุงเทพฯ ผมไปรอรับเขา แต่ฝ่ายหญิงบอกว่าวันนี้เราไม่เข้าบ้านดีกว่าไหม ไปนอนที่บ้านของคนสนิทของเขา ผมเองก็ไปนอนที่บ้านของคนสนิทได้ 1 คืน ตื่นเช้ามาฝ่ายหญิงทำท่ากังวลใจ ผมก็เลยถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่เป็นอะไร วันรุ่งขึ้นเขามีการคุยโทรศัพท์ในห้องนานถึง 2 ชั่วโมง ผมก็ไม่ได้เข้าไปรบกวนอะไร สักพักเขาเดินออกมาหน้าตาตื่นแล้วบอกว่าผู้ชายคนหนึ่งจะเข้ามานะ ค่อย ๆ คุยนะ ใจเย็นๆ ผมก็บอกว่าผมไม่อยากจะมีปัญหา คุณบอกว่าคุณเคลียร์ไปแล้ว คุณก็ต้องไปคุยเอง
หลังจากนั้นฝ่ายชาย (ไม้) มาถึงบ้าน ซึ่งผมก็อยู่ในบ้านด้วย เลยมีปากเสียง ปะทะคารมกัน ฝ่ายชายมาบอกว่ามึงจะหยุดไหม ถ้าไม่หยุดกูจะหยุดมึงเอง แล้วก็ชักปืนขึ้นมาจ่อที่หัวผม หลังจากนั้นเจ้าของบ้านโทรศัพท์ไปหาตำรวจ พอตำรวจมาฝ่ายชายเอาปืนไปแอบบนบ้าน พอตำรวจไปค้นก็พบปืนพร้อมกระสุนเต็มแม็ก สาเหตุที่ไม่ดำเนินคดีเนื่องจากฝ่ายหญิงขอร้องเอาไว้
จากนั้นผมก็จับได้ว่าฝ่ายหญิงไปคุยกับผู้ชายคนเก่าในทำนองว่าให้ฝ่ายชายรอ กำลังเคลียร์กับผมอยู่ แต่สิ่งที่ฝ่ายหญิงคุยกับผมก็คือเคลียร์กับฝ่ายชายไปแล้ว ทำให้ผมรับไม่ได้ และตกลงกันว่าผมจะออกจากบ้านไป วันที่ 19 เมษายน (2566) แต่สุดท้ายผมอยู่บ้านหลังนั้นไม่ได้ เพราะรู้สึกเสียใจและอึดอัดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ผมตัดสินใจออกจากบ้านมาในวันที่ 16 เมษายน ฝ่ายหญิงเข้ามาถามผมว่าทำไมผมรีบไป ทำไมไม่อยู่เก็บเกี่ยวความสุขกันก่อน แต่ผมบอกว่าไม่แล้ว ไม่รู้สึกอึดอัด หลังจากนั้นฝ่ายหญิงก็บอกให้ผมเอาโทรศัพท์ของผมไปให้เขา ซึ่งผมไม่ยอมให้ ฝ่ายหญิงจึงเรียกคนในบ้านออกมา ผมเห็นว่าไม่ปลอดภัย เลยหยิบโทรศัพท์มือถือมาไลฟ์เอาไว้ แต่ไม่ได้ต้องการจะแฉอะไร มันเป็นการไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ไม่ได้เป็นสาธารณะ ยืนยันที่ทำไปเพราะต้องการจะปกป้องตัวเอง เพราะฝ่ายหญิงเรียกคนมาหลายคน กลัวจะไม่ปลอดภัย ขณะเดียวกันเขาก็ให้คนในบ้าน 2 คนมาทำร้ายผม มาทุบผมที่ท้ายทอยแล้วแย่งโทรศัพท์มือถือไป จากนั้นฝ่ายหญิงไปแจ้งความผมในข้อหาว่าผมบุกรุกบ้านเขา ทั้ง ๆ ที่ผมเองพยาบามจะออกมา แต่ฝ่ายหญิงแจ้งว่าบุกรุก แล้วผมอยู่บ้านนั้นมาตั้งหลายเดือน”
ในส่วนของข้อมูลเรื่องกล้อง ที่มีการกล่าวอ้างว่าลักทรัพย์ เจ้าตัวบอกว่า “ไม่ทราบสาเหตุที่หายไปจริงๆ เพราะบางครั้งก็มีเอาไปปล่อยเช้า ผมไม่ได้เป็นคนเอาไป เรื่องกล้องเนี่ย ผมเคยพูดกับเขาแล้วว่ามันหายให้ไปแจ้งความ แต่เขาอยู่เฉยๆ ไม่อะไร จนมีประเด็นนี้เกิดขึ้นมาเลยมาแจ้งว่าผมเป็นคนลักทรัพย์ หลักฐานมันอยู่ในเครื่องนั้นหมดเลย ในโทรศัพท์มีข้อความแชตที่บอกว่าผมอยากทำอะไร บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ใครก็มีกุญแจ สามารถเข้า-ออกกันได้เรื่อยๆ ถ้ามีหลักฐานว่าผมเอาไปมาจับผมได้เลย ยินดีให้จับ
ส่วนเรื่องแชต ยอมรับมีคุยจริงกับอดีตแฟน เมื่อหญิงลีรู้ก็ได้โทรไปหาอดีตคนเคยคุยของผม แล้วบอกให้เลิกติดต่อผม แล้วในแชตที่คนเคยคุยของผมตอบมา เหมือนเป็นการประชดประชันว่าผมชอบกอบโกยฝ่ายหญิง อดีตแฟนผมตอบมาด้วยความโมโห”
ขอบคุณภาพ PPTV / IG yinglee_lalla
[ad_2]
Source link